ความหมายของคลีนรูม อ้างอิงตามนิยามในมาตรฐาน ISO 14644-1, Classification of air cleanliness by particle concentration
หมายถึงห้องที่มีการควบคุมระดับฝุ่นหรืออนุภาคให้มีความเข้มข้นไม่เกินที่มาตรฐานกำหนด อีกทั้งยังควบคุมกระบวนการ ออกแบบ ก่อสร้าง และ ควบคุมหลักปฏิบัติในการดำเนินการใช้ห้องให้เกิดให้เกิดการกำเนิดหรือสะสมอนุภาคภายในห้องให้น้อยที่สุด รวมถึงการควบคุม อุณหภูมิ ความชื้น ความดันห้อง หรือ พารามิเตอร์อื่นๆ ที่ขึ้นอยู่กับข้อกำหนด เช่น ระดับแสงสว่าง การสั่นสะเทือน ไฟฟ้าสถิต เป็นต้น
1.ชนิด ประเภท รูปร่างวัสดุ ที่ใช้สร้าง ห้องผนัง พื้น
2.การออกแบบระบบปรับ อากาศ ระบายอากาศ ที่เหมาะสม ต่อการใช้งาน เช่น มีระบบกรองอากาศ การควบคุมอุณหภูมิ และความชื้น
3.การควบคุมความดัน: สร้างและรักษาความดันที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่
4.อัตราการระบายอากาศ ( Air Change Rate )
5.การควบคุมหลักปฏิบัติ ผู้ปฏิบัติงานที่เข้า-ออก และอยู่ปฏิบัติงานในพื้นที่สะอาด
6.การบำรุงรักษาระบบ และการทำความสะอาดพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ
ตาราง"ระดับความสะอาดของอากาศตามมาตรฐาน ISO โดยพิจารณาจากความเข้มข้นของอนุภาคในอากาศ"
ISO Classes of Air Cleanliness by Particle Concentration
หมายถึง "ระดับความสะอาดของอากาศตามมาตรฐาน ISO โดยพิจารณาจากความเข้มข้นของอนุภาคในอากาศ"
โดยเป็นมาตรฐานที่กำหนดระดับความสะอาดของอากาศในพื้นที่ควบคุม (เช่น ห้องคลีนรูม) ตามจำนวนอนุภาคที่มีอยู่ในอากาศในขนาดที่กำหนดไว้ เช่น อนุภาคขนาด 0.1 ไมครอน, 0.5 ไมครอน เป็นต้น
มาตรฐานนี้ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม เช่น
ไมโครอิเล็กทรอนิกส์
การผลิตยาหรือชีวเภสัช
โรงพยาบาล
อาหาร
ตัวอย่าง ISO Classes:
ISO 1: มีความสะอาดสูงสุด (จำนวนอนุภาคน้อยที่สุด)
ISO 5: ระดับสะอาดตามมาตรฐานผลิตยาเกรด A (Cleanroom Class 100)
ISO 9: ระดับใกล้เคียงกับสภาพแวดล้อมในอาคารทั่วไป
0.5 ไมครอน (micron) คือ ขนาดของอนุภาคในอากาศที่ถูกนับหรือคำนวณในตารางการตรวจวัดความสะอาดของอากาศ
อนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่า 1 ไมครอน มักจะพบในอุตสาหกรรมที่ต้องการการควบคุมอากาศที่ละเอียด เช่น การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือการผลิตยา
ISO 6 หมายถึง ระดับความสะอาดของอากาศ ที่มีการจำกัดจำนวนอนุภาคขนาด 0.5 ไมครอน ในปริมาตรของอากาศที่กำหนด เช่น อาจจะนับจำนวนอนุภาคใน 1 ลูกบาศก์เมตร (1 m³) ของอากาศ
ISO 6 เป็นหนึ่งในระดับคลาสที่ใช้ในห้องคลีนรูม ซึ่งมาตรฐานนี้จะกำหนดจำนวนอนุภาคสูงสุดที่ยอมให้มีในอากาศภายในพื้นที่ที่ควบคุม
ตัวอย่างการอ่าน:
หากใน คลาส ISO 6 จำนวนอนุภาคขนาด 0.5 ไมครอน ต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร อาจจะมีการจำกัดไว้ที่ 35,200 อนุภาค (ตามตาราง ISO 14644-1)
หมายความว่าในอากาศ 1 ลูกบาศก์เมตรจะต้องมีอนุภาคขนาด 0.5 ไมครอน ไม่เกิน 35,200 อนุภาค เพื่อให้สภาพแวดล้อมในห้องนั้นๆ อยู่ในมาตรฐาน ISO 6
เกณฑ์หลักในการจำแนกความสะอาดของอากาศตามมาตรฐาน ISO 14644-1 มีดังนี้:
ความเข้มข้นของอนุภาค: การจำแนกประเภทจะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นสูงสุดที่อนุญาตของอนุภาคในอากาศที่มีขนาดกำหนด (เช่น 0.1 μm, 0.2 μm, 0.3 μm เป็นต้น) ในปริมาณอากาศที่กำหนด มาตรฐานนี้กำหนดเกรด ISO ทั้งหมด 9 เกรด (จากเกรด 1 ถึงเกรด 9) โดยมีขีดจำกัดเฉพาะสำหรับความเข้มข้นของอนุภาค , .
ความเข้มข้นสะสม: ความเข้มข้นที่ระบุในตารางการจำแนกประเภทเป็นแบบสะสม ซึ่งหมายความว่าจำนวนอนุภาคที่อนุญาตสำหรับขนาดที่กำหนดจะรวมถึงอนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่าทั้งหมด ตัวอย่างเช่น สำหรับเกรด ISO 5 ความเข้มข้นสำหรับ 0.3 μm จะรวมถึงอนุภาคทั้งหมดที่มีขนาดเท่ากับและใหญ่กว่านั้น .
วิธีการทดสอบ: การปฏิบัติตามเกรดความสะอาดที่กำหนดจะต้องได้รับการตรวจสอบผ่านวิธีการทดสอบที่ได้มาตรฐาน ซึ่งรวมถึงการเลือกสถานที่ตัวอย่างและวิธีการวัดความเข้มข้นของอนุภาค .
การกำหนดโซนสะอาด: โซนสะอาดถูกกำหนดว่าเป็นพื้นที่ที่ควบคุมซึ่งมีการจัดการและจำแนกจำนวนความเข้มข้นของอนุภาคในอากาศ โซนนี้ถูกสร้างและดำเนินการเพื่อลดการแนะนำและการเก็บรักษาสิ่งปนเปื้อน .
การตรวจสอบและการปฏิบัติตาม: การตรวจสอบและทดสอบเป็นประจำจะต้องดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าระดับความสะอาดของอากาศยังคงอยู่ภายในขีดจำกัดที่กำหนด ซึ่งอาจรวมถึงการจำแนกประเภทเป็นระยะตามการประเมินความเสี่ยงและการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องหากมีการติดตั้งอุปกรณ์ที่เหมาะสม .
ตัวอย่างนี้สำหรับการประยุกต์ใช้งานโดยทั่วไป ซึ่งอาจต้องมีการเพิ่มเติมรายละเอียดและข้อกำหนดต่างๆของแต่ละอุตสาหกรรมให้เหมาะสม เช่น อุณหภูมิ ความชื้น ความดันแต่ละโซน รวมทั้งรายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละพื้นที่ ทั้งขนาด ตำแหน่ง จำนวน ตามความจำเป็น และเหมาะสมต่อกระบวนการทำงาน
ASHRAE คือใคร?
ASHRAE (American Society of Heating, Refrigerating and Air-Conditioning Engineers) คือ สมาคมวิชาชีพด้านวิศวกรรมระบบทำความร้อน ระบบปรับอากาศ ระบบระบายอากาศ และระบบทำความเย็น แห่งสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ปัจจุบันมีการใช้งานมาตรฐานและแนวปฏิบัติของ ASHRAE ในกว่า 130 ประเทศทั่วโลก โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อประหยัดพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพ และรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ASHRAE Standards และ ASHRAE Handbooks
ตัวอย่างมาตรฐานบางส่วนที่นิยมนำมาใช้ประกอบการทำงาน
ASHRAE Standard 62.1 – Ventilation for Acceptable Indoor Air Quality
มาตรฐานการระบายอากาศในอาคารพาณิชย์และสถาบัน เพื่อคุณภาพอากาศภายในที่เหมาะสม
ASHRAE Standard 62.2 – Ventilation and Acceptable Indoor Air Quality in Residential Buildings
มาตรฐานการระบายอากาศสำหรับอาคารที่พักอาศัย
ASHRAE Standard 55 – Thermal Environmental Conditions for Human Occupancy
ใช้กำหนดสภาวะความสบายเชิงความร้อนในพื้นที่อาคาร เช่น อุณหภูมิ ความชื้น และความเร็วลม
ASHRAE Standard 170 คือ มาตรฐานการระบายอากาศสำหรับสถานพยาบาล เช่น โรงพยาบาล คลินิก หรือห้องผ่าตัด โดยเน้นการควบคุมคุณภาพอากาศเพื่อป้องกันการติดเชื้อและรักษาสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์.
ASHRAE Standard 90.1 – Energy Standard for Buildings Except Low-Rise Residential Buildings
ใช้ในการออกแบบเพื่อประหยัดพลังงานในอาคารเชิงพาณิชย์
ASHRAE Handbook Series – คู่มือครอบคลุมเนื้อหาสำคัญ เช่น HVAC Applications, Fundamentals, และ Systems and Equipment
อย่าลืม ถ้าคลิปดีมีประโยชน์ ฝากกดไลค์ กดแชร์ ท่านอื่นๆ กดติดตาม เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ
EP6 Humidity Conrtrol is coming soon , thanks for watching